Google ทำการเปิดตัว Google Tensor ชิปประมวลผลแบบ SoC ใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับ Machine Learning (ML) โดยจะถูกใช้งานบน Pixel 6 – 6 Pro เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2564 – Google ได้ทำการเปิดตัวชิปประมวลผลแบบ SoC ใหม่ล่าสุดของบริษัท : Google Tensor ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Machine Learning (ML) ที่ซึ่งจะช่วยเหลือในการทำงานของสมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การเสริมประสิทธิภาพในด้านวิดีโอ เป็นต้น
อย่างที่ได้กล่าวไปว่ามันจะเป็นชิปประมวลผลแบบ SoC หรือ System on a Chip
ที่เป็นประกอบรวมหน่วยการทำงานด้านอื่น ๆ เข้าด้วยกันภายในชิปเดียว โดยทาง Google นั้นได้มีการออกแบบให้ตัวชิปนั้นส่งเสริมการทำงานใน 4 พื้นที่หลัก คำพูด, ภาษา, ภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ นอกจากนี้แล้วยังได้มีการเผื่อประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบหลักต่าง ๆ ให้เทียบเท่าได้กับการทำงานของคอมพิวเตอร์
โดยชิปนี้นั้นจะไปส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ และนำเสนอความสามารถใหม่ ๆ ให้กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำการดำเนินงานได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็ใช้งานพลังงานน้อยกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้า
ตัวอย่างก็เช่น Google Assistant ที่ใช้งานบนชิปดังกล่าวนั้นจะสามารถใช้งาน Automatic Speech Recognition (ASR) ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ที่ซึ่งจะช่วยให้กับฟังก์ชั่นการใช้งาน หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และกินพลังงานน้อยลง (การบันทึกเสียงที่ดีขึ้น, การแปลภาษาที่รวดเร็วมากขึ้น เป็นต้น)
นอกเหนือไปจากในส่วนของภาษาแล้วนั้น Tensor ยังได้ทำการเสริมประสิทธิภาพในด้านของภาพนิ่ง-วิดีโออีกด้วย ทำให้การถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านภาพในรูปแบบต่าง ๆ มีความสวยงาม, คมชัด, แม่นยำ และไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งนี้ Tensor ยังได้เข้าเสริมในส่วนของระบบความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์อีกด้วย โดยเป็นการทำงานประสานกันของ Titan M2, Core ด้านระบบความปลอดภัย และ TrustZone™ ที่ซึ่งทำงานผ่าน Trusty OS ซึ่งทั้งหมดนี้้จะช่วยในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความละเอียดละอ่อน และการโจมตีทั้งทางตรง และทางอ้อม ชิปดังกล่าวนั้นจะทำการใช้งานบน Google Pixel 6 – 6 Pro ที่เพิ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
เปิดตัว Google Pixel 6 Pro สามาร์ทโฟนเรือธง มาพร้อมชิป Tensor ออปชั่นเพียบ เทพขึ้นกว่าเดิม!!
เปิดตัว Google Pixel 6 Pro สามาร์ทโฟนเรือธง มาพร้อมชิป Tensor ผสานการทำงานคู่กับกล้องหลังขั้นเทพ ความละเอียดสูงสุด 50 MP และเสริมระยะให้ยาวไกลคมชัดด้วยเลนส์ Telephoto ความละเอียด 48 MP เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา Google ได้ประกาศเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ ได้แก่ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตแบบคัสตอม Google Tensor (5 นาโนเมตร) และฟีเจอร์กล้องที่ขนมาให้แบบจัดหนักจัดเต็ม รวมไปถึงการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียง พิมพ์ หรือถ่ายภาพข้อความ ก็ทำได้สะดวกรวดเร็ว มอบความยืดหยุ่นในการใช้งานเป็นอย่างดี โดยในบทความนี้จะเป็นการแนะนำรุ่น Google Pixel 6 Pro ซึ่งมีดีไซน์และสเปกที่ใกล้เคียงกับตัว Pixel 6 แต่จะแตกต่างตรงที่หน้าจอแสดงผล และลูกเล่นของโหมดถ่ายภาพ ซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลยครับ
ความว้าวของชิปตัวนี้ที่นอกจากจะเป็นรุ่นแรกของ Google ก็ยังมาพร้อมกับระบบ Intelligent Machine Learning ในการเรียนรู้และช่วยเหลือเราในการใช้งานอย่างเช่น การแปลภาษาจากข้อความแบบเรียลไทม์ หรือการใช้กล้องส่องป้ายเพื่อแปลภาษาแม้จะไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ก็ตาม
นอกจากนี้ยังประมวลผลได้รวดเร็วกว่ารุ่น Pixel 5 สูงสุด 80% ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดแอปฯ หรือเกม ที่ตอบสนองได้อย่างฉับไว โดยยังคงเซฟพลังงานแบตเตอรี่ได้ดี ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของชิป Tensor คือการเคลือบด้วยเลเยอร์แบบพิเศษหลายชั้น เพื่อป้องกันการถูกแฮกได้ดียิ่งขึ้น
มาพร้อมกับหน้าจอพาเนล AMOLED แบบ LTOP ขนาด 6.71 นิ้ว ความชัดระดับ QHD+ (1440 x 3120 พิกเซล, 512 ppi) รองรับอัตรารีเฟรชเรท สูงสุด 120 Hz และสัดส่วนหน้าจอ 19.5 : 9 ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass Victus เพื่อการป้องกันรอยขีดข่วน
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ ขนาด 5003 mAh รองรับระบบชาร์จไว 30 วัตต์, การชาร์จไวแบบไร้สาย 23 วัตต์ และการเปลี่ยนตัวเองเป็นพาวเวอร์แบงค์พกพาด้วยระบบ Reverse wireless charging ให้กับอุปกรณ์อื่น โดยจะมีประสิทธิภาพเหมือนกับ Pixel 6 ซึ่งสามารถชาร์จได้ 50% ด้วยระยะเวลาเพียง 30 นาที พร้อมกับโหมดการจัดสรรพลังงาน ลำดับความสำคัญแอปฯ ที่ใช้งานบ่อย เพื่อยืดอายุการใช้งานระหว่างวัน
จัดว่าเป็นระบบที่เอื้อให้กับตัว Pixel สุด ๆ (เพราะเดิมทีเจ้านี้เขาก็มีทำ Google Translate อยู่แล้ว) โดยเราสามารถแปลข้อความแบบเรียลไทม์ได้อัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องสลับไปใช้แอปฯ อื่นแปลให้เสียเวลา และการใช้กล้องแปลภาษาได้เลยทันที ไม่ว่าจะเป็นป้ายเส้นทางรถไฟ หรือแผ่นโปสเตอร์โฆษณาตามริมทาง เรียกว่าฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับสายเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียว สุดท้ายคือการแปลภาษาผ่านข้อความเสียงโดยตรง ซึ่งนับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป